ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

คิดอย่างไรก่อนคิดผสมพันธุ์สุนัข
  • สำหรับผม
    1 ต้องการความสวยงามตามมาตราฐาน เช่น ออกมาต้องได้ลักษณะเด่นหรือด้อยของพ่อแม่ที่เรียกว่าจุดเด่น
    2. จิตปราสาทไม่ก้าวร้าวกับมนุษย์ยกเว้นสัตว์ชนิดอื่น
    3. มีความสามารถพิเศษที่ผสมแล้วคาดว่าจะได้รับออกมา
    4. ลูกหมาที่ออกมาต้องมีศักยภาพเพียงพอต่อความต้องการของผู้เพาะพันธุ์ที่คาดว่าจะได้รับ
    5. สามารถจัดการกับลูกสุนัขได้

    ขออนุญาติเปิดประเด็นนะครับ ใครมีความเห็น อย่างไรแชร์กัน เพราะอยากรู้ว่ามีการวางแผนการคิดก่อนผสมพันธุ์หรือไม image

    แล้วเรื่องจิตประสาทมีการทดสอบกันอย่างไร ขอบคุณพื้นที่ครับ คุณสาระความรู้ห้ามด่ากันนะครับ
    ไฟล์แนบ
    2012-08-27 09.42.36.jpg 118K
  • เป็นการเปิดกระทู้ที่ดีมาก
    ส่วนตัวเห็นด้วยคับ
  • :063: ครับ พี่นุ
  • =D> =D> =D> =D> =D> =D> =D> =D> :063:
    http://pitbullzone.com/community/discussion/33425/ตามหาพ่อพันธุ์-เชียงใหม่ครับ#Item_4
    ช่วยลองไปไหมคำแนะนำคนนี้ทีครับพี่
  • เป็นกระทู้ที่ดีมากเลยคับ ต้องติดตามคับ :063:
  • กระทู้นี้ตอบหยากมากครับ เพราะกลัวรับความจริงกันไม่ได้ :-( :-( :-D
    เท่าที่ผมเห็นมนุษย์ทุกคนมา เห็นมาทั้งชิวิต
    1 เงิน
    2 กูจะขายเท่าไรดีหน่อ ใครจะดว่าจะได้รับ
    7 สามารถจัดการกับลูกสุนัขได้
    8 รักษาสายพันธุ์ ครับ

    อันนี้ส่วนตัวครับ
    ลองคิดข้อ 1 ดีดีน่ะครับว่าใช่หรือไม่ และข้อ 4 ทุกคนกลัวที่สุดก็คือ จริงประสาท เกิดมีข่าวพิทกัดคนขึ้นมา ผู้โดนกัดเสียหาย เจ้าของเสียเงิน เคยมีคนพูดน่ะครับ ว่าเขาเหมารวม สุนัขทั้งสายพันธุ์ถ้ามีข่าวไม่ดีออกมา คนที่หมาพิงคลอด เซ็งเป็ด (:| ผมเลยเขาใจถึงจุดนี้ ขอบคุณครับ
  • ข้อ 3 ต้องการความสวยงามตามมาตราฐาน เช่น ออกมาต้องได้ลักษณะเด่นหรือด้อยของพ่อแม่ที่เรียกว่าจุดเด่น

    4 จิตปราสาทไม่ก้าวร้าวกับมนุษย์ยกเว้นสัตว์ชนิดอื่น

    5ลูกหมาที่ออกมาต้องมีศักยภาพเพียงพอต่อความต้องการของผู้เพาะพันธุ์ที่คาดว่าจะได้รับ
    6สามารถจัดการกับลูกสุนัขได้
  • ไม่พลาดพิงครับ ที่เปิดขึ้นมาอยากรู้ว่าจะมีคนเพาะสนใจมาช่วยตอบหรือไหม แค่นั้น สำหรับเรื่องเงินนั้นมันแน่นอนครับจุดเริ่มต้นของความสำเร็จและจุดจบของคน...
  • รอฟัง หลายๆเหตุผล จาก คอกและฟาร์ม ต่างๆอยู่นะครับ
    เผื่อเป็นแนวทาง แง่คิด และบรรทัดฐาน ที่ดี ให้ผู้เพาะพันธุ์รายใหม่ๆ บ้าง

    หากแสดงความคิดเห็นกันด้วยเหตุและผล กันแบบเปิดเผย จริงใจ

    กระทู้นี้อาจเป็น จุดเริ่มต้น... นิมิตหมายที่ดี
    ในการสร้างผู้เพาะพันธุ์ รายใหม่ๆ ที่มีความรู้ความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น :063:

  • =D> ดีใจที่มีคนเห็นด้วยมากๆครับ เรื่องเงินอีกเรื่องนะครับ ขอแนวทางการพัฒนาพิตบูลที่เรารัก บูลลี่ สายลาก สายกัด อื่นๆแชร์กันได้นะครับ ขอบคุณครับ
  • คิดอย่างไรก่อนผสมพันธ์ ตามความคิดผมนะครับ
    1.พ่อ แม่ พันธุ์ ( รวม ทั้งหมด คุณสมบัติ ต่างๆ เช่น จิตประสาท ความสมส่วน ฯลฯ นะครับ )
    2.ความคาดหวังของลูกหมา
    3.ผลตอบรับจากตลาด ( ถ้าลูกหมาออกมาตาม แบบ พ่อแม่พันธุ์ นะครับ ถ้าออกทะเลก็จบ ครับ จับทำหมัน )
    4. เงิน ครับ กว่าจะเลี้ยงให้โต ใช้เวลาไปกี่ปีหมดเงินไปเท่าไหร่ ขายหมาคอกนึงมันก็ไม่ได้คืนหรอกครับ ( แต่ก็ภูมิใจที่ลูกหมาขายได้ ในกรณีที่เป็นไปตามที่เราต้องการนะครับ )
    5. เพื่อได้แบบตาม พ่อ แม่ แล้วเก็บไว้เลี้ยงเองครับ
    นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ขอบคุณครับ
  • การคัดเลือดคู่ผสม มีวิธีการพิจารณาอย่างไรครับ รอท่านอื่นๆนะครับ แล้วแต่จะพิมพ์เลยนะครับ ( ห้ามด่าห้ามว่ากัน) เอาความคิดชองคุณที่คิดจะผสมสุนัข เรามาแชร์กันเพื่อสร้างสิ่งที่ตัวเองรัก ขอบคุณครับ

    มีผู้เพาะพันธุื์สุนัขขายหมากว่า 80% ในนี้ อยากรับทราบทั้งมือเก่าและมือใหม่ ขอบคุณทุกท่านที่สนใจร่วมแชร์ความคิดครับ
    http://www.tntdogkennel.com/english/standard.html

    image
    image
    imageimage

    ดูเล่นๆอย่าจริงจังกับมันมากครับ
    ไฟล์แนบ
    ดาวน์โหลด.jpg 10K
    ดาวน์โหลด (1).jpg 14K
    images (1).jpg 8K
    ดาวน์โหลด (2).jpg 8K
  • ชอบจริงๆ กระทู้นี้ :o034:
  • 1. อยากขาย
    2. อยากได้ลูกหมาฟรี

    ผมว่าคนส่วนใหญ่มันก็คิดกันแค่นี้แหละครับ แต่แค่พูดให้ดูดี รักษาสายเลือด พัฒนาสายพันธุ์ที่ชอบ ก่อนจะจบด้วยเหตุผลว่า ย้ายบ้าน ที่ทำงาน ไม่มีเวลา ไม่ก็มันทะเลาะกับตัวเดิม :o034:
  • เงียบแต่ลูกหมาเยอะโคตรๆหมายความว่า ??? =P~ ตามข้างบนเลยแล้วกัน สมพอแค่ใบเพทดีกรียังไม่มีคนคิดอยากจะทำ เข้าใจแล้วครับผม
  • ยังไงกันครับเนี่ย !!!
    กับคำถาม....คิดอย่างไรก่อนคิดผสมพันธุ์สุนัข ?
    เข้าใจความรู้สึกคุณ phanu นะครับ รอ รอ รอ รอ เอ๊ะยังไง

    :033: :033: :033:
  • คงต้องคิดอยากไ
  • คงต้องคิดอยากได้ลูกหมาครับถึงผสม ก็แล้วแต่วัตถุประสงค์ ผสมเพื่อเลี้ยงเอง หรือจะผสมเพื่อขาย สิ่งที่หลายคนอยากได้คงจะหมาสวยหมาดีและหมาเก่งกันทั้งนั้น แต่ใช่ว่าจะทำได้กันทุกคนจริงป่าว บางคนก็จับมันปี้กันขายเฉยๆเพราะซื้อมาเป็นคู่แล้วนิ

    เรื่องจิตประสาทมีการทดสอบกันอย่างไร เรื่องนี้ผมว่าคุณนุน่าจะทราบดีเพราะฝึกสุนัขอารักขาอยู่ ผมว่าแค่ BH TEST ก็คงพอมั่งครับ

    ถ้าจะรณรงค์เรื่องจิตประสาทควรจะบังคับให้พ่อแม่พันธ์มีการทดสอบ BH TEST และอื่นให้เหมือนกับ GSD คงจะดี

    ผมว่าคุณนุน่าจะตั้งคำถามว่า ก่อนที่จะผสมพันธ์หมา พี่ๆน้องๆมีวิธีเลือกพ่อแม่พันธ์อย่างไร น่าจะดีกว่า
  • ผมว่าไอ้คนที่มันแปลเจตนาสิ่งที่พี่พยายามจะบอกมันพยายามจะสวนกระแสทุกอย่างอ่ะคับ...ใจเย็นๆพี่เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์...
    อยู่กันยาว...คุณวีผมว่าคุณพิสูจน์ตัวเองก่อนเถอะว่าคุณแน่คำว่าแน่อย่าแปลความหมายผิดนะผมขอร้องคือการทำให้หมาคุณเป็นที่รู้จักในสายหมาของคุณก่อนดีกว่ามั่ยที่นี้จะไม่มีใครมาตอบคุณเกจิแน่นอน...แต่ยังงัยอย่าถือสาผมเลยผมคนบ้า
  • ผมว่าคุณคิดเยอะเกินไปแระ..คิด???????
    ถามจริงวันนี้ฝึกหมายังถ้ายังไปฝึกหมาก่อนเร็ว...ยังๆอีกยังมามองด้วยหางตาอีกบอกให้ไปฝึกหมา...ทางนี้ผมดูแลให้ไม่ต้องห่วง :*
  • ผมเจอคนๆนี้ผมนึกถึงน้อง UNITEEN เลยครับ..

    พี่น้องในนี้คงจำได้ดี.... น่าจับเเต่งงานกัน ลูกออกมาคงจะเป็นซุปเปอร์ไซย่าเเน่

    อย่าถือสาผมนะ ผมเมา...
  • ในเมื่อเก่ง.. ทำไมไม่บอกไปล่ะครับ บอกเป็นข้อๆตามเเนวคิดคุณเลย

    ดีกว่ามานั่งจับผิดเจ้าของกระทู้
  • กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ..... :-))
  • เกรงว่า...กระทู้ดีๆของคุณ phanu จะเบี่ยงเบนจุดประสงค์ไปซะก่อน

    ขอนำเข้ากลับมาสู่สาระของกระทู้จะดีกว่าครับ
    ผมเอง ไม่มีความรู้ที่เป็นตรรก ทฤษฏีตามหลักการตายตัวแต่อาศัยหาความรู้มาเสริมให้กระทู้แล้วกันนะครับ

    บทความแรกที่พบมาและน่าเกี่ยวข้องใกล้เคียงกับกระทู้นี้ คือ....

    ความแตกต่างของพวกผสมพันธุ์สุนัขกับนักเพาะพันธุ์สุนัข
    โดย ไตรสิทธิ์ เบญจบุณยสิทธิ์ - Saturday, 1 September 2012, 08:05PM


    ได้มีโอกาสสนทนากับคุณอุเทนแห่งบ้านครีลดาฟาร์ม ได้ฟังวลีที่น่าสนใจ
    จึงขอนำมาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง...บรีดเดอร์(นักเพาะพันธุ์สุนัข)นั้นแตกต่างจากพวกผสมพันธุ์สุนัข

    บรีดเดอร์ที่ดีไม่ใช่สักแต่ว่าเอาหมาตัวผู้กับตัวเมียที่บ้านมาผสมกัน
    แต่จะต้องมีการศึกษาวางแผนจับคู่ที่เหมาะสม และติดตามผลที่ได้
    หากไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง จะต้องหาทางปรับปรุงพัฒนา ไม่ใช่ผสมซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น

    บรีดเดอร์ที่ดีจะต้องระวังไม่ให้เกิดการผสมกันเองโดยบังเอิญอย่างขาดการวางแผน ในฤดูติดสัด
    หรือ ขณะที่ตัวเมียเป็นฮีท จะต้องดูแลสุนัขให้ดี ไม่ให้มีโอกาสไปผสมกันเองโดยไม่ตั้งใจ
    ....จะต้องแยกขังแยกปล่อยเป็นเวลา และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการผสมระหว่างพ่อแม่กับลูก
    หรือกับพี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกัน เพราะอาจทำให้ยีนด้อยปรากฏเด่นชัดออกมาในรุ่นหลาน


    ****บรีดเดอร์ที่ดี จะต้องไม่หวังเพียงผลกำไรในทางธุรกิจ

    แต่จะต้องสามารถแนะนำผู้ที่ต้องการผสมพันธุ์สุนัขได้ว่า จะเลือกพ่อพันธุ์หรือแม่พันธุ์อย่างไร จึงจะเหมาะสม

    อย่างเจ้าราโอของคุณอุเทนตัวข้างล่างนี้ ชอบที่มันมาร์คเข้ม หล่อเหลา โครงสร้างดี เล็งไว้ว่าจะขอมาเป็นแฟนด็อตเน็ตตั้งแต่ปีที่แล้ว

    แต่เนื่องจากมีสายเลือดที่ชิดกันมากเกินไป คุณอุเทน เกรงว่าจะเป็นการย้ำข้อด้อยบางอย่างที่เคยสังเกตุพบมาแล้ว จึงไม่แนะนำ แม้ว่า ค่าผสมของราโอจะเป็นหลักหมื่นขึ้นไป

    image
    ไฟล์แนบ
    IMG_0583.JPG 190K
  • คุณเป็นบรีดเดอร์ขั้นไหนแว้า
    « on: September 29, 2011, 05:01:29 PM »

    คุณเป็นผู้เพาะพันธ์สุนัขขั้นไหนแล้ว

    ขั้นที่ 1 ขั้นเริ่มต้น: ทำอะไรผิดพลาดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซื้อพ่อพันธ์แม่พันธ์ผิด เลี้ยงดูผิด
    และก็ผสมพันธ์ผิดๆ

    ขั้นที่ 2 ขั้นอนุบาล: คุณอาจจะเริ่มต้นผิดๆ เรียนรู้ผิดๆ แต่ก็พยามที่จะเรียนรู้สิ่งที่ถูกต้องแต่ยัง
    ไม่ชำนาญ

    ขั้นที่ 3 ขั้นประถม: คุณแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดได้แล้ว เริ่มต้นก้าวแรกที่จะทำหรือรู้ว่าผู้เพาะพันธ์
    มืออาชีพเค้าทำยังไร แต่ก็ยังไม่ชำนาญเท่าไรนัก


    ขั้นที่ 4 ขั้นมัธยม: คุณเริ่มเป็นที่รู้จักของผู้ซื้อหาสุนัขหรือผู้เพาะพันธ์แล้ว สุนัขที่คุณผสมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
    เริ่มที่จะทำเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น

    ขั้นที่ 5 ขั้นมัธยมปลาย: ส่วนใหญ่บรีดเดอร์ทั่วๆไปจะอยู่ในขั้นนี้ คือ เริ่มมีความน่าเชื่อถือ ไม่ผสม
    พรุ่ำาเพื่อ มีหลักการและเหตุผลในการเลือกพ่อพันธ์แม่พันธ์ที่จะมาผสม เข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มของ
    ชมรมสุนัข พยามที่จะรักษาชื่อเสียงของตนเองไม่มั่วนิ่ม

    ขั้นที่ 6 ขั้นมหาลัย: ผู้เพาะพันธ์ในระดับนี้จะหายากหน่อยเพราะส่วนใหญ่ก็อยู่ในขึ้นมัธยมปลาย ใน
    ขั้นนี้ผู้เพาะพันธ์จะพยามศึกษาหาความรู้ของสายพันธ์เพื่อลดความผิดพลาดในการผสม ในขั้นนี้ผู้เพาะ
    พันธ์จะสามารถบอกหรือรู้ว่าส่วนไหนดีส่วนไหนไม่ดีและเลือกที่แก้ไขเพื่อให้บรีดที่ผสมออกมาดี เช่น
    หัวไหล่ หัว ขาหน้า ขาหลัง เข้าใจโครงสร้างของสุนัข ในขั้นนี้ผู้เพาะพันธ์จะมีพ่อพันธ์แม่พันธ์ที่ดีใน
    สต๊อกให้เลือกและเลือกคู่ผสมได้อย่างถูกต้อง ในขั้นนี้ผู้เพาะพันธ์อาจจะพยามหาพ่อพันธ์ดีๆจากภาย
    นอกมาใส่เพื่อให้เกิดลูกหมาที่มีคุณภาพในคอกของตัวเอง ส่งสุนัขของตนเองเข้าประกวดเพื่อวัดระดับ
    กว่าจะถึงขั้นนี้ผู้เพาะพันธ์อาจจะต้องใช้เวลาถึงเกือบ 10 ปีหรือมากกว่านี้เพื่อสะสมประสบการณ์และนี้
    คือเหตุผลที่ผมบอกว่าทำไม่ในขั้นนี้ถึงหายาก

    ขั้นสุดท้าย ระดับมืออาชีพ: ในระดับนี้ลูกสุนัขที่เกิดจากผู้เพาะพันธ์ระดับนี้ส่วนใหญ่จะออกมาดีมีคุณภาพ
    สุนัขทุกตัวที่เกิดจากผู้เพาะพันธ์ระดับนี้จะไม่มีข้อผิดพลาดเลยแม้ว่าบางที่จะไม่ชนะในการประกวดก็ตาม
    พวกเค้าจะรู้จักสไตล์ของตัวเอง แบบของตัวเอง ลักษณะสุนัขของตัวเองเป็นอย่างดีว่าพวกเค้ากำลังทำ
    ลูกสุนัขหรือสุนัขแบบไหน สุนัขที่พวกเค้าทำส่วนใหญ่จะได้ตำแหน่งตลอดและเป็นทีู่รู้จักในวงการทั้ง
    วงการประกวดภายในและภายนอกประเทศ


    http://www.dogfunpark.com/forum/index.php?topic=1871.0 :033: :033: :033: :063:
  • ขอบคุณพี่เพาเวอร์พิทอีกครั้งคับกรุณาเข้าสู่สาระ...กราบขอโทษ.จขกท.อย่างสูงคับ
    กูเกือบโดนอีกแล้ว :m87:
  • Posted 03 April 2007 - 02:35 PM

    จริงด้วยจ้ะ...การเป็น breeder เนี่ย ใครจะอ้างตัวว่าเป็น breeder ก็ได้ แต่การเป็น breeder ที่ดี
    ที่มีจรรยาบรรณนั้นเป็นยาก ต้องมีการลงทุนที่สูง ต้องมีความตั้งมั่นในอุดมการณ์ ต้องมีความพร้อมในหลายเรื่อง พี่มองว่าคนที่เค้าเป็น responsible breeder นั้น เค้าทำด้วยใจรักกันจริงๆ ไม่ใช่ทำเพื่อจะหาเงินให้มากๆ
    การเลี้ยงสุนัขแต่ละตัวค่าใช้จ่ายเยอะมาก
    พี่เชื่อเลยจ้ะว่า ไม่มีใครรวยได้เพราะขายสุนัขหรอก ....
    อย่างพี่ก็เหมือนกันจ้ะ เวลาที่พี่คิดว่าอยากให้ Cha-Cha มีลูก พี่ก็ต้องประเมินตัวพี่เองเหมือนกันว่า
    สมมติถ้า Cha-Cha จะมีลูก (ส่วนใหญ่ยอร์คจะมีลูกประมาณ 3 ตัว)
    พี่มีความสามารถ มีเวลาเพียงพอที่จะดูแลเด็กๆทั้งหมดทั้ง 3 ตัว บวก Cha-Cha อีก หนึ่งได้หรือไม่

    ถ้าพี่ประเมินว่าพี่ทำไม่ได้ พี่ไม่มีความพร้อม พี่ก็จะไม่ทำจ้ะ
  • การจะเป็นผู้เพาะพันธ์ที่ดี ที่ประสบความสำเร็จนั้น

    ควรจะ breed for quality (เพาะพันธ์ให้ได้สุนัขที่มีคุณภาพ)
    ไม่ใช่ breed for quantity (เพาะพันธ์ให้ได้จำนวนเยอะๆ)

    จะเห็นว่า เดี๋ยวนี้ผู้ซื้อหาสุนัขมาเลี้ยงเริ่มมีความรู้มากขึ้น เริ่มที่จะดูออกว่าสุนัขตัวไหนสวยหรือไม่สวย
    ตัวไหนคุ้มค่าเงินของเค้าหรือไม่ ?

    หากผู้ซื้อ มีความรู้ คู่ ความรักและรับผิดชอบมากขึ้น
    เข้าใจถึงหลักการในการเลือกซื้อ การเลือก breeder การเลือกลูกสุนัขเป็นมากขึ้น

    คนขายที่ไม่มีคุณภาพ เพาะพันธ์ลูกสุนัขที่ไม่ได้ตามมาตรฐานสายพันธ์มาขาย
    แนวโน้มที่เค้าจะประสบความสำเร็จในการขายทุกครั้งจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

    และเมื่อสุนัขที่เพาะพันธ์ขึ้นมาขายไม่ได้ ก็จำเป็นต้องเลี้ยงเอาไว้เอง ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู
    ยังไม่นับว่าหากสุนัขเริ่มแก่ เริ่มมีการเจ็บป่วยขึ้นมา ค่าใช้จ่ายต่างๆก็จะเพิ่มสูงขึ้น

    ซึ่งตรงนี้ หากผู้เพาะพันธ์ ผสมพันธ์สุนัขโดยไม่ยั้งคิด
    ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงที่สูงขึ้นก็จะกลับมาเป็นภาระกับผู้เพาะพันธ์และในบางครั้งสุนัขที่เค้าเลี้ยงเอาไว้
    ก็จะได้รับการดูแลที่ไม่ดีมากนักเพราะงบประมาณในการเลี้ยงดูมีจำกัด
    บางครั้งสูงกว่าราคาค่าตัวสุนัขเป็น 10-20 เท่าก็มี

    ดังนั้นการเพาะพันธ์ที่ดี ผู้เพาะพันธ์ควรจะเพาะพันธ์ให้ได้สุนัขที่มีคุณภาพ
    และควรจะมีสติ รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไร
    จำนวนสุนัขที่ตนเองเลี้ยงดู อยู่ในปริมาณที่สามารถเลี้ยงดูเค้าได้อย่างดีหรือไม่ โดยที่ตนเองไม่เดือดร้อน
    และเมื่อต้องหาเจ้าของใหม่ให้สุนัขที่เพาะพันธ์ขึ้นมา ผู้เพาะพันธ์ควรจะต้องคัดเลือกผู้ซื้ออย่างละเอียด


    เพื่อที่สุนัขนั้นจะได้มีครอบครัวที่ดี ไม่ถูกทอดทิ้งหรือกลับออกมาเป็นสุนัขข้างถนน :X :X :X
  • คุณสมบัติของแม่พันธ์ และพ่อพันธ์ที่ Responsible Breeder ใช้ในการคัดเลือก:

    1. แม่พันธ์ พ่อพันธ์ควรจะมีลักษณะที่ได้มาตรฐาน (show quality) เพื่อให้ลูกสุนัขที่ออกมามีคุณภาพ

    2. มีบรรพบุรุษที่มีตำแหน่ง Champion หรือพ่อพันธ์ แม่พันธ์มีตำแหน่งเป็น Champion การที่สุนัขมีตำแหน่ง นั่นหมายความว่า เค้าได้รับการยอมรับในระดับหนึ่งในเรื่องของการมีลักษณะเข้าตามมาตรฐานสายพันธ์ การมีบรรพบุรุษที่เป็น Champion เป็นสิ่งที่ทำให้มั่นใจได้ว่า มีเชื้อสายที่ดี เป็นการลดความน่าจะเป็นที่จะมีการถ่ายทอดข้อด้อยออกมา

    3. แม่พันธ์ พ่อพันธ์ต้องไม่มีโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม

    4. แม่พันธ์ พ่อพันธ์ต้องมีอายุที่เหมาะสมในการผสม

    นอกจากคุณสมบัติต่างๆที่กล่าวข้างต้นนั้น breeder ยังต้องรู้เหตุผล ที่ไปที่มาว่า....
    ทำไมถึงเลือกสุนัขตัวนี้มาเป็นพ่อพันธ์
    ทำไมตัวนี้ถึงควรจะเป็นแม่พันธ์ จุดเด่น หรือยีนส์เด่นของพ่อพันธ์ แม่พันธ์เป็นอย่างไร

    สามารถพอจะคาดหวังว่า ลูกสุนัขจะออกมาเป็นอย่างไรได้หรือไม่
    ซึ่งตรงนี้ จะต่างกับ ผู้เพาะพันธ์ทั่วไปที่เพาะขายแบบไม่มีความรู้ ไม่เคยให้ความสำคัญในเรื่องของพันธุกรรม

    ทำให้เมื่อมีการเพาะพันธ์เกิดขึ้น จึงไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า ลูกสุนัขนั้นๆจะออกมาเป็นอย่างไร
    เป็นผลให้คุณภาพของสุนัขที่เพาะพันธ์ขึ้นมาไม่ดีเพียงพอ
    หรือมีความโดดเด่นไปจากตลาดที่ขายกันทั่วไป หรือบางทีก็มีโรคทางพันธุกรรมตามมา
  • นอกจากการคัดเลือกสายพันธ์ที่ breeder ต้องคิดกันอย่างรอบคอบแล้ว
    Responsible breeder ยังจะต้องพิจารณาในเรื่องต่างๆดังนี้

    1. ก่อนที่จะทำการสมพันธ์ breeder ควรจะต้องมี prospect buyer
    คืออย่างน้อยจะต้องรู้ว่าสุนัขที่ตนเองจะเพาะพันธ์ขึ้นมา จะต้องมีบ้านใหม่ที่ดีอยู่

    2. breeder จะต้องหาพ่อพันธ์ และแม่พันธ์ที่มีคุณลักษณะที่ดีตามที่กล่าวไว้ข้างต้น

    3. breeder จะต้องสามารถรับประกันในเรื่องของสุขภาพของสุนัขที่ตนเพาะพันธ์ขึ้นมา
    (ไม่ได้มีโรคทางพันธุกรรม) อย่างน้อย ก็ในช่วง 2 ปีแรกของชีวิตสุนัข หรือตลอดชีวิตของสุนัขตัวนั้น

    4. หากในช่วงชีวิตของสุนัขที่ตนเพาะพันธ์ขึ้นมา จะด้วยสาเหตุอันใดก็แล้วแต่ ที่จะทำให้สุนัขตัวนั้นต้องอยู่กับเจ้าของใหม่อย่างไม่มีความสุข breeder จะต้องหาทางรับกลับมาเลี้ยงดูด้วยตนเอง

    5. หากสุนัขที่ breeder เพาะพันธ์ขึ้นมา เกิดมีข้อบกพร่อง หรือเป็น pet quality
    การจำหน่ายสุนัขนั้นออกไป จะต้องมีสัญญาที่จะต้องมีการทำหมันสุนัขตัวนั้น เมื่อถึงวัยอันควร

    6. prospect buyer จะต้องถูกคัดสรรด้วยความละเอียดและรอบคอบ

    7. breeder จะต้องให้ความช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ซื้อสุนัขของตนเองไปเลี้ยงตลอดชีวิตของสุนัขตัวนั้น

    8. breeder จะต้องมีปัจจัยทางการเงินที่มากเพียงพอที่จะดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆในการเลี้ยงดูสุนัข
    (ในกรณีที่สุนัขที่ตนเองนั้น เพาะพันธ์ขึ้นมาไม่สามารถขายออกไปได้)

    9. ผู้เพาะพันธ์ควรจะมี breeder ที่เชี่ยวชาญในการเป็นที่ปรึกษาหากต้องการจะให้มีการผสมพันธ์เกิดขึ้น

    จากคุณสมบัติทั้งหมดของ Responsible breeder ข้างต้น

    หากผู้ใดคิดว่า ไม่สามารถที่จะทำได้ตามข้อกำหนดที่ผู้เพาะพันธ์ที่ดีควรจะทำ

    และหากคิดว่า ตัวเองไม่มีความพร้อม ผู้นั้นไม่ควรที่จะผสมพันธ์หรือเพาะพันธ์สุนัขเพิ่มขึ้นมาอีก
    เพราะลูกสุนัขที่เกิดขึ้นมา จะไม่ได้มีคุณภาพที่ดีเพียงพอที่ผู้ซื้อจะเลือกมาซื้อ

    ผู้เพาะพันธ์แบบนี้จะมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะไม่สามารถขายสุนัขออกไปได้หมด
    ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการที่ต้องเลี้ยงสุนัขไว้เอง จะเป็นภาระใหญ่ต่อผู้เพาะพันธ์
    นอกจากนี้ หากผู้เพาะพันธ์ไม่ใส่ใจในการคัดเลือกผู้ซื้อ คัดเลือกบ้านให้อยู่ ไปเจอผู้ซื้อที่เห่อซื้อกันตามแฟชั่น เมื่อผู้ซื้อเริ่มเบื่อ สุนัขตัวนั้นก็จะไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดี หรือในกรณีเลวร้าย ก็อาจจะถูกปล่อยออกจากบ้าน กลายสภาพเป็นสุนัขจรจัด ซึ่งก็จะเป็นปัญหากับสังคมต่อไป

    การเพาะพันธุ์ ขอให้คิดเสมอว่า ที่ทำอยู่นั้น......
    คือการสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมา ผู้เพาะพันธ์จะต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อสุนัขที่ตนเองสร้างขึ้นมา
    ต่อผู้ซื้อ รวมทั้งความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งนั่นก็คือ บทสรุปของการเพาะพันธ์อย่างมีจรรยาบรรณ
    __________________________________________________________________________________

    ตัวอักษรเยอะจัง น่าเบื่อ น่ารำคาญ
    คนเขียนอาจจะเขียนง่ายแต่ตอนปฏิบัติในโลกความเป็นจริงนั้นยากแสนยาก
    หรืออาจเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับ คนทั่วไป แต่อยากให้ นำไปคิดพิจารณาซักนิดส์ เพราะ....

    ทุกครั้งที่เกิดการผสมพันธุ์ขึ้น ย่อมคาดหวังถึงหนึ่งชีวิตใหม่ได้เสมอ
    และผู้ที่ทำให้หนึ่งชีวิตนั้นกำเนิดขึ้นมา ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อผลของมันแน่นอน ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ...


    ถามใจตนเองให้แน่ว่า... คุณพร้อมรับผลกรรม ต่อสิ่งที่คุณตัดสินใจจะเลือกปฏิบัติลงไปแล้ว หรือไม่ :033:
  • ว่าจะตั้งใจซะหน่อย แต่เจอคห. พี่ power_pit แล้วเลิกอ่านเลย ถึงแม้จะดีแต่อ่านไม่ไหวครับ พอดีผมเมาเอาไว้ตอนสติดีๆ ค่อยกลับมาอ่านใหม่ดีกว่า :o032:
  • :o034: :o034: :o034:

    สูบหนัก อย่างดียวไม่พอ ดืมหนักซะอีก เพื่อนเรา
    จะได้อยู่ถึงร่วมฉลองปีใหม่มั๊ยเนี่ย อิอิ ล้อเล่นง่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ สวัสดีปีใหม่ ล่วงหน้าเลย :X



  • :033: :033: :033: :033: :033:


    สำหรับมือใหม่ ผู้ที่คิดว่าจะเพาะพันธุ์สุนัขแน่นอนแล้ว
    แต่อาจยังไม่มีเวลาหาข้อมูล ความรู้ ความพร้อม ขออนุญาต นำมาฝากครับ

    (บทความเหล่านี้ แค่ค้นหาและนำมาฝากไม่ใช่งานเขียนผมนะครับ
    แค่นำมาเรียบเรียง และคัดเลือกมาเฉพาะสาระ ที่เกี่ยวเนื่องกับกระทู้นี้ครับ
    เพียงแต่บางบทความไม่มีที่อ้างอิงเลยไม่ได้กล่าว ไม่มีเจตนาไม่ให้เครดิตเจ้าของบทความนะครับ)




    :033: การเพาะพันธุ์สุนัข

    หลักการทั่วไปของการเพาะพันธุ์สุนัข คือ ไม่ควรทำการผสมพันธุ์กันระหว่างสุนัขที่มีสายเลือดใกล้ชิดกัน เช่น พ่อหรือแม่กับลูก ซึ่งเรียกว่าการผสมในสายสัมพันธ์ เพราะจะทำให้ลูกสุนัขที่เกิดมามีการรวมเอาสิ่งไม่ดีจากสายเลือดให้มีมากขึ้น เช่น โรคต่าง ๆความไม่แข็งแรงของอวัยวะบางส่วน เป็นต้น

    ควรดูว่าเป็นสายพันธุ์แท้จริงตามที่ต้องการหรือไม่ โดยตรวจสอบจากใบประวัติสายพันธุ์หรือใบเพดดีกรี
    นอกจากนี้ไม่ควรผสมพันธุ์สุนัขแบบเปะปะกัน ระหว่างสุนัขพันธุ์โน้นกับพันธุ์นี้ ทำให้เกิดสุนัขพันธุ์ทางขึ้น
    ซึ่งนอกจาราคาจะไม่ดีแล้วยังเป็นการกระจายสุนัขที่มีสายเลือดไม่แท้ออกไป
    ผลร้ายก็คือ หากผู้ไม้รู้นำไปขยายพันธุ์ต่อก็จะยิ่งเกิดการกลายพันธุ์หนักข้อขึ้นไปอีก



    :033: พ่อแม่พันธุ์

    สุนัขตัวผู้ จะแสดงอาการกระตือรือร้นในเรื่องเพศเมื่ออายุประมาณ 6 - 8เดือน
    แต่ควรจะรอให้สุนัขโตเต็มที่คือ เมื่ออายุประมาณ 1 ปี ขึ้นไป
    ควรบำรุงสุนัขพ่อพันธุ์ให้กินอาหารที่มีโปรตีนมาก ๆ ซึ่งได้แก่ เนื้อหรือไข่ และต้องให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่าให้อ้วนหรือผอมจนเกิดไปจนขาดเรี่ยวแรงในการผสมพันธุ์เมื่อสุนัขตัวผู้แข้งแรงก็จะสามรถผลิตอสุจิที่แข็งแรงจะได้ผสมกับไข่จำนวนมาก

    ในขณะที่เป็นสัด ทำให้ได้ลูกครอกใหญ่ มีลูกหลายตัว

    สุนัขตัวเมีย ที่จะสามารถทำการผสมพันธุ์ควรมีสุขภาพดี การเลี้ยงดูแลแม่พันธุ์ก็มีความสำคัญมากเช่นกัน
    เพราะความสมบูรณ์ของแม่จะมีผลโดยตรงกับลูก จึงควรบำรุงแม่พันธุ์ให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
    ทั้ง โปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ โดยเฉพาะวิตามินอี ที่มีผลต่อการสืบพันธุ์และผสมติด
    แต่ต้องระวังอย่างเลี้ยงจนอ้วน โอกาสผสมสำเร็จจะมีน้อยลงมาก

    แม่สุนัขสาวที่เริ่มเป็นสัดครั้งแรกยังไม่สมควรให้ผสมพันธุ์เพราะความไม่สมบุรณ์ของร่ายกายยังไม่พร้อมเต้มที่ ควรเว้นไว้สัก 2 รอบของการเป็นสัด พอได้สัดที่ 3 จึงค่อยผสม เพราะความพร้อมของร่ายกายเพียงพอ
    การเป็นสัดของแม่สุนัขบางตัวอาจจะช้าบางตัวอาจจะเร็ว ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของตัวสุนัขเอง


    ก่อนการผสมพันธุ์ ควรดูแลให้พ่อแม่พันธุ์สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
    โดยได้รับการถ่ายพยาธิ และฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนครบตามขบวนการ โดยเฉพาะโรคไข้หัด และตับอักเสบ
    ให้กับแม่สุนัข เพื่อให้ลูกสุนัขได้รับภูมิคุ้มกันโรคจากแม่สุนัข


    :033: :X :X :X :033:
  • :033: การเป็นสัด

    ตามปกติสุนัขตัวเมียจะเป็นสัดปีละ 2 ครั้ง คือ ทุก ๆ 6 เดือน ระยะการเป็นสัดอาจจะสั้นหรือยาว
    บางตัวอาจจะนานถึง 21 วัน แต่ตามปกติแล้ว 18 วัน

    การแสดงความกำหนัดของสุนัขแบ่งเป็น 3 ระยะ

    ระยะแรกจะเห็นอวัยวะสืบพันธุ์ตัวเมียเริ่มบวมขึ้นทุกที จนมีน้ำเมือกที่มีเลือดปนออกมา
    ระยะที่สอง สุนัขตัวเมียจะแสดงอาการขี้เล่นกับตัวผู้ บิดหางไปทางด้านข้าง และยอมให้ตัวผู้เข้าผสมพันธุ์
    ระยะที่สามคือ ระยะเริ่มหมดกำหนัดซึ่งจะเห็นได้จากการไม่มีน้ำเมือกไหลออกมา การบวมของอวัยวะสืบพันธุ์ยุบลง จนประมาณวันที่ 18 ของการเป็นสัด สุนัขตัวเมียจะไม่ยอมผสมพันธุ์ ซึ่งเรียกว่า หมดฤดู



    :033: การผสม

    การผสมพันธุ์ควรเริ่มผสมประมาณวันที่ 10 ถึง 14 หลังจากเริ่มเป็นสัด
    คือระยะที่สองของการเป็นสัด การผสมอาจจะทำเพียงครั้งเดียวก็พอ
    แต่ส่วนมากต้องการให้ได้ผลที่แน่นอนจึงผสม 2 ครั้ง ห่างกัน 24 ชั่วโมง

    การผสมตัวผู้จะขึ้นคร่อมโดยใช้ขาหน้ารัดเอวตัวเมีย บางตัวขาดประสบการณ์ทำให้สอดใส่อวัยวะเพศได้ไม่ถูกต้อง เจ้าของจำต้องช่วยนำทางบางครั้งจนกว่าจะทำได้สำเร็จ ซึ่งตัวผู้จะตาอวัยวะเพศค้างไว้ในช่องคลอดตัวเมียเป็นเวลานาน 20 ถึง 30 นาที หรือที่เรียกว่า "ติด"

    ทั้งนี้เพื่อให้น้ำเชื้ออสุจิจากตัวผู้เข้าสู่มดลูกของตัวเมียได้สะดวก
    หลังจากนั้นก็จะหลุดออกมาเองโดยอัตโนมัติ

    การนำสุนัขตัวเมียไปผสมพันธุ์กับสุนัขตัวผู้ที่อื่นควรนำสุนัขไปก่อนจะมีกำหนดประมาณ 7 วัน
    เพื่อให้สุนัขได้คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสุนัขตัวผู้นั้นด้วย และเมื่อผสมพันธุ์แล้ว 4 วัน ก็ควรถ่ายพยาธิอีกครั้ง



    :033: :X :X :X :033:
  • :033: การตั้งท้อง

    หลังจากผสมพันธุ์แล้วประมาณ 1 เดือน

    ถ้าสุนัขท้องจะเห็นเต้านมขยายใหญ่ หัวนมเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีชมพู
    ต่อมาบริเวณช่องท้องชายโครงจะขยายกางออกอย่างเห็นได้ชัด

    เมื่อท้องไปได้ประมาณ เดือนครึ่งแม่สุนัขจะเริ่มเปลี่ยนทั้งร่ายกาย และจิตใจ

    คือ นิสัยจะสงบลง ไม่กระโดดโลดเต้นเหมือนเคย เพราะท้องโตกินอาหารมากขึ้น นอนมากขึ้น หามุมสงบ และนอนพักผ่อน ไม่ควรไล่จับสุนัขหรือทำให้สุนัขดิ้นแรง หรือลูบคลำบีบท้องเพื่อดูว่าท้องหรือไม่บ่อยๆ
    หรือทำสุนัขตกจากที่สูง
    ตลอดจนอาบน้ำ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสุนัขอย่างกะทันหัน เพราะจะทำให้แม่สุนัขแท้งลูกได้
    ถ้าแม่สุนัขท้องเนื้อตัวสกปรกก็ควรเอาผ้าชุบน้ำอุ่น ๆเช็ดให้สะอาดก็พอ

    ระยะสุนัขตั้งท้องนี้ควรให้อาหารที่มีคุณภาพดี และมีปริมาณเพียงพอสำหรับแม่และลูกในท้อง แต่อย่าให้มากจนแม่สุนัขอ้วน และเมื่อถึงเวลาอีก 7 วันจะคลอด ต้องให้อาหารโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามิน รวมทั้งปริมาณให้พอเพียงจริง ๆ คือเพิ่ม 20% เพราะระยะนี้ลูกสุนัขในท้องจะเจริญเติบโตอย่างรวมเร็ว

    สิ่งที่เจ้าของต้องจัดการคือ เตรียมสถานที่คลอดลูก เช่น กรงหรือห้องที่เป็นสัดส่วนอยู่ในมุมสงบ ใช้ผ้า หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ปูหลาย ๆ ชั้น จากนั้นหัดให้แม่สุนัขในสถานที่ หรือนอนในที่ดังกล่าวจนเคยชิน



    :033: การคลอด

    สุนัขทั่วไป จะตั้งท้องนาน 58 ถึง 63 วัน

    ก่อนการครบกำหนดคลอดแม่สุนัขอาจจะแสดงอาการเบื่ออาหารขุดคุ้ยหาที่หรือรังเพื่อคลอดลูก
    หัวนมขยายใหญ่ และมีน้ำนมซึมไหลออกมาด้วย บางครั้งอาจมีน้ำเมือกใสๆ ซึมออกมาจากช่องคลอดด้วย

    เมื่อครบกำหนดคลอดแม่สุนัขจะนอนเบ่งในรัง หลังจากมีการเบ่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
    จึงจะเห็นลูกสุนัข ตัวแรกคลอดออกมาโดยถุงน้ำคล่ำจะโผล่ออกมาก่อน
    ส่วนใหญ่แล้วลูกสุนัขจะคลอดด้วยท่าทางที่เอาหัวออกมาก่อน พร้อมกับรกซึ่งมีสายสะดือติดอยู่ปกติแล้ว
    แม่สุนัขจะกัดถุงน้ำคร่ำ และสายสะดือให้ขาด พร้อมกับเลียตัวลูกสุนัขเพื่อทำความสะอาด

    ถ้าแม่สุนัขไม่ทำให้ถุงน้ำคร่ำแตกออกผู้ที่ทำการคลอดซึ่งทำความสะอาดมือด้วยสบู่
    ก็ควรแกะถุงน้ำออกแล้วเอาหัวสุนัขออกจากถุงก่อน
    ต่อมาจึงลอกถุงออกจนหมดจากลำตัวเช็ดน้ำเมือกที่หน้าด้วยผ้าสะอาด เช็ดที่หน้าอก ลำตัว และด้านข้างเพื่อกระตุ้นการหายใจ

    การหายใจก็จะเริ่มทันทีโดยการร้องขึ้นถ้าสุนัขไม่ร้องก้ให้อุ้มสุนัขเอาหัวลง เพื่อให้น้ำและของเหลวต่างๆ ไหลออกจากปาก และจมูกต่อไป

    จากนั้นจึงมัดสายสะดือ และตัดด้วยมีดที่สะอาดป้ายยาทิงเจอร์ไอโอดีน
    คืนลูกสุนัขโดยส่งที่หัวนม ให้ลูกสุนัขคลำหาหัวนมดูดกินน้ำนมแม่ในระยะแรกนี้เรียกว่า....

    " น้ำนมเหลือง " มีความจำเป็นแก่ลูกสุนัขอย่างมหาศาล เพราะอุดมไปด้วยภูมิคุ้มกันต่างๆ
    เมื่อลูกสุนัขตัวแรกคลอดออกมาตามปกติแล้วตัวอื่นๆ ก็จะค่อยๆ ตามมา

    ระยะห่างระหว่างแต่ละตัวไม่แน่นอน ตั้งแต่ 10 นาที ถึง 30 นาที สุนัขบางตัวคลอดลูกทั้งครอกเสร็จภายในครึ่งชั่วโมง แต่บางตัวอาจจะนานถึง 8 ชั่วโมง ส่วนสุนัขพันธุ์ใหญ่บางทีต้องใช้เวลาถึง 1 วัน จึงจะคลอดหมด จำนวนลูกสุนัขต่อครอกนั้นไม่แน่นอน แต่เฉลี่ยแล้ว 5 ถึง 7 ตัว มากหรือน้อยกว่านี้ก็มีได้ ทั้งนี้แล้วแต่พันธุ์ และสุขภาพของแม่สุนัขแต่ละตัว


    :033: :X :X :X :033:
  • :033: :: สถานที่คลอดของสุนัข ::

    พฤติกรรมของสุนัขที่สำคัญในขณะที่กำลังใกล้ จนถึงวันคลอด
    แม่สุนัข จะพยายามเตรียมหาสถานที่ที่จะคลอดลูก ของมันไว้ล่วงหน้า
    ถ้าเราไม่ได้เตรียมที่คลอดให้กับมัน มันจะเสาะหาเองโดยใช บริเวณที่ลับตาคน และสัตว์อื่นทั่วไป
    เช่น ในโรงรถ โคนต้นไม้ใหญ่ ใต้ถุนบ้าน

    เพื่อเป็นการถูก สุขลักษณะ และป้องกันไม่ให้ลูกสุนัขได้รับอันตราย ควรเตรียมบ้าน ไว้ให้มัน
    โดยดัดแปลงจากกรงที่ใช้ขัง เสริมด้วยพื้นที่อ่อนนุ่ม และทำความ สะอาดง่าย
    เช่น ผ้ายาง เมื่อสังเกตเห็นว่าใกล้เวลาคลอดเต็มที่แล้วจึงนำ
    สุนัขท้องแก่ของเราไปขังไว้รอจนกว่ามันจะคลอดเสร็จ และเข้าที่เรียบร้อย จะให้มันออกได้

    image

    เมื่อสุนัขคลอดลูกออกมาแล้ว

    สุนัขโดยทั่วไปจะคลอดลูก และจัดการทุกอย่างภายหลังจากการคลอด สำเร็จ ได้ด้วยตัวเอง
    แม้กระทั่งการทำความสะอาดลูกของมันทุกๆตัว
    จะมีปัญหาบ้างก็ตรงสุนัขเพิ่งท้องเป็นครั้งแรก ที่อาจจะไม่ชำนาญในการ ดูแลลูกอ่อน
    เราซึ่งเป็นเจ้าของมัน ต้องคอยหมั่นสังเกต และคอยช่วยดูแล อย่างห่าง ๆ
    มีไม่น้อยเหมือนกันที่สุนัขที่ท้องครั้งแรก มักจะช่วยชีวิต ลูกของมันไม่ได้
    โดยทำไม่เป็นแม้กระทั่ง การกัดรกให้ขาดหลังการคลอด สิ่งเหล่านี้ต้องอยู่ในความช่วยเหลือของเรา
    ไฟล์แนบ
    birthdog.jpg 6K

  • :033: ผ่าตัดช่วยเหลือสุนัขคลอดลูก

    กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับคน สุนัขท้องแก่บางตัวมีปัญหาที่ คลอดด้วยวิธีธรรมชาติไม่ได้ หากเจ้าของได้หมั่นเอาใจใส่ และนับวันเวลา ตั้งท้องของ มัน และสังเกตว่าเวลาที่มันจะคลอดเจ้าตัวเล็กๆออกมาแล้วอย่านิ่งนอนใจ ควรนำสุนัขของเราไปให้สัตวแพทย์ตรวจอาจจะมีปัญหาเกี่ยว กับลูกอ่อนที่อยู่ข้างในท้อง ถ้าเป็นไปได้หมออาจจะตัดสินใจผ่าตัดเอาลูกในท้องออก ช่วยให้ปลอดภัย

    image

    :033: :X :X :X :033:
    ไฟล์แนบ
    birth.jpg 4K
  • :033:การฉีดวัคซีนให้ลูกสุนัข

    ลูกสุนัขต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามระยะเวลาที่สัตวแพทย์กำหนดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคร้ายแรงและสร้งภูมิคุ้มกันให้กับลูกสุนัข
    เรามักจะเริ่มฉีควัคซีนเมื่อลูกสุนัขอายุได้ 6-8 เดือน ป้องกันโรคไข้หวัด
    อายุ 10 สัปดาห์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสลำไส้
    อายุ 12 สัปดาห์ ฉีดวัคซีน ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
    อายุ 14 สัปดาห์ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หัดอีกครั้ง
    อายุ16 และ 24 สัปดาห์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสลำไส้ และโรคพิษสุนัขบ้าอีกครั้ง เช่นเดียวกัน


    :033: อุปกรณ์เสริมสำหรับให้ยาและให้อาหารลูกสุนัข

    ลูกสุนัขก็เหมือนทารกที่จะรอแต่ดื่มนมจากอกแม่ของมัน ย่อมไม่เพียงพอแน่
    เราควรจัดหาอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงดูลูกสุนัขที่ยังพึ่งตัวเองไม่ได้ เช่นกรวยยาสำหรับป้อนอาหารเหลว ขนมนมสำหรับป้อนนม สลิงฉีดยาสำหรับป้อนยา เป็นต้น

    image

    :033: :X :X :X :033:
    ไฟล์แนบ
    medicine.jpg 4K
  • :033: วิธีป้อนนมให้ลูกสุนัข

    ลูกสุนัขที่ยังอ่อนมากๆลืมตายังไม่ได้ จำเป็นที่จะ ต้องได้รับอาหารที่เพียงพอ
    กรณีที่แม่ของมันคลอดลูกออกมามาก ทำให้มีน้ำนมที่จะเลี้ยงลูกไม่เพียงพอ
    เราต้องช่วยจัดหาน้ำนมเพิ่มให้มัน โดยใช้ขวดนมเด็กใส่น้ำนมเลี้ยงเด็กทารก
    ป้อนให้มันดูดกิน หากเป็นเด็กทารกการป้อนนมจากขวดต้องให้เด็กนอน หงาย
    แต่ลูกสุนัขควรให้มันอยู่ในท่ายืนหรือนอนคว่ำปกติ แล้วจึงป้อนนมจากขวดให้มันดื่มกินก็ได้


    :033: อาหารเสริมกับน้ำนมแม่

    น้ำนมที่ใช้เลี้ยงลูกสุนัขทั่วไปมีขายตามท้องตลาด ไม่ควรให้นมข้มหวานเช่นเดียวกับที่ห้ามใช้ในเด็กทารก
    ถ้าเป็นไปได้การผสมนม ให้ลูกสุนัขควรบีบน้ำนมจากแม่ของมันผสมกับนมกระป๋องสำหรับเลี้ยงลูกสุนัข เพื่อที่มันจะได้คุ้นเคย และดื่มกินได้มากกว่าปกติ

  • :033: การหย่านม

    เมื่อลูกสุนัขอายุ 2 สัปดาห์ควรจะลืมตา ถ้ายังไม่ลืมก็ควรล้างตาเบาๆ
    และเมื่ออายุได้ 3 สัปดาห์ก็เริ่มกินอาหารอื่นได้นอกเหนือจากนมแม่
    แม่สุนัขจะเลี้ยงลูกให้นมลูกอยู่ราว 35-42 วัน บางครั้งอาจถึง 50 วัน
    ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณลูกสุนัข และความอุดมสมบูรณ์ของแม่ด้วย
    แต่ควรหย่านมเมื่อลูกสุนัขอายุประมาณ 1 เดือนเป็นอย่างน้อย

    การหัดให้อย่านมอาจจะทำได้โดยการให้อาหารซึ่งมีน้ำอุ่นหนึ่งถ้วย
    ด้วยวิธีการจับหัวลูกสุนัขจุ่มลงในอาหารซึ่งใส่ภาชนะตื้น ๆ ต่อไปลูกสุนัขก็จะกินเองได้
    ต่อมาจึงให้อาหารอื่น ๆ เช่น เนื้อหรือไข่ เพิ่มทีละน้อย ผสมลงในน้ำนม
    ในระหว่างหัดนี้ ควรแกลูกสุนัขกับแม่ให้ห่างกันมากขึ้นจนในทมี่สุดลูกสุนัขสามารถหย่านมได้
    และเมื่อลูกสุนัขอายุได้ 2 -4 สัปดาห์ ก็ควรทำการถ่ายพยาธิครั้งแรก



    :033: อาหารสำหรับลูกสุนัข

    ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า สุนัขก็ต้องการอาหารเช่นเดียวกับคน
    ยิ่งเป็นลูก สุนัขด้วยแล้วอาหารที่ให้มันต้องประกอบไปด้วย สารอาหารอย่างครบถ้วนเท่าที่มันต้องการ
    เพื่อเสริมสร้างให้ร่างกายของมันได้เติบโตขึ้นมาเป็นสุนัขใหญ่ที่สมบูรณ์อย่างเต็มที่



    .................................. :X :033: :033: :033: :033: :033: :X ........................................
  • ผมบอกแล้วว่าอย่าซีเรียส อะไรมากมายตัวผมไม่ได้เก่งเลยสักนิดเดียว สิ่งที่มาถามผมไม่รู้จริงๆว่าบ้านเราสนใจกันมากน้อยขนาดไหน ไม่มีใครถูกใครผิดสำหรับผมใครอยากจะทำอะไรก็ทำแค่อยากถาม คนในบ้านเราผมเห็นลูกพิทบูลมันเยอะ มาก ว่างขายตามตลาดนัดคลองถม ตลาดประจำจังหวัดหลายๆจังหวัด ราคา 1500- กี่บาทก็แล้วใส่ตระกร้าเสื้อผ้าว่างขาย ผมก็มองว่าเห้ยมันใช้แล้วหรอพิตบูลไทยถึงจุดนี้แล้วใช้หรือไม ที่ตั้งคำถามเพราะผมยังไม่ใช้คนเพาะพันธุ์พิทบูลขาย เกิดมาในชีวิตเลี้ยงพิตบูล มา แค่ 6 ตัว ซึงทำให้ผมรับรู้นิสัยของแต่ละตัวต่างกันไป ทุกวันนี้ยังต้องถามหาความรู้ ไปเรื่อยๆจากคนที่ผมคิดว่ามีประสบการณ์ ของแต่ละคนเฉพาะด้านผมไม่ชอบ ยูนิทีนอย่างรุ่นแรง เนื่องจากเหตุผมบ้างประการข้อประกาศจุดยืนไว้เลยนะครับ เรื่องมาตราฐานที่เอามานั้นเพื่อ ให้ดูไว้ผ่านหูผ่านตา ก็แค่นั้น ขอบคุณทุกท่านที่ยังสนใจจะตอบดีกว่าไม่ตอบอะไรเลย ซึงคนที่รู้หรือไม่รู้มาอ่านอย่างน้อยก็สนใจที่จะดู เรามีสังคมไม่ใช้คุณอยู่ตัวคนเดียวในโลก

    สุดท้ายนี้ ขอบคุณ พี่มาร์ค และ ทุกๆท่านที่สนใจครับผม :X :-D ;-)
  • ท่าน เพาเวอร์พิท เอาซะเต็มลูกสูบตั้งแต่ ปฎิสนธิ ถึง คลอดเลยนะครับ ขอบคุณมากครับท่านpower_pit แล้วท่านอื่นที่ผสมออกมามาช่วยกันตอบได้นะครับ ไม่เอาวิชาการก็ได้ รอฟังอยู่นะจ๊ะ ขอร้องหัวข้อนี้อย่าวิวาทวาทะกันนะครับ ทนๆฟังเพื่อประโยชน์สุขแก่ส่วนรวมครับผม ผมอยากรู้กจริงๆ เพื่อท่านทั้งหลายจะมีเทคนิคอะไรที่แปลกใหม่ จะได้ศึกษา ทดลอง ปฏิบัติตาม :) image
    ไฟล์แนบ
    154908_451472624915859_1882588478_n.jpg 19K
  • เรื่องจิตประสาทมีการทดสอบกันอย่างไร เรื่องนี้ผมว่าคุณนุน่าจะทราบดีเพราะฝึกสุนัขอารักขาอยู่ ผมว่าแค่ BH TEST ก็คงพอมั่งครับ

    ถ้าจะรณรงค์เรื่องจิตประสาทควรจะบังคับให้พ่อแม่พันธ์มีการทดสอบ BH TEST และอื่นให้เหมือนกับ GSD คงจะดี

    พันธุ์แต่ละพันธุื์มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไปครับ เรื่องทดสอบจิตประสาทในพิตไม่ทราบจริงๆ เพราะไม่มีคนทำ ผมฝึกสุนัขอารักขาพันธุ์ธรรมดาที่เค้าพัฒนาแบบเก็บทุกเม็ดคือคนปกติที่ศึกษาผ่านหนังสือดูรู้ครับการแสดงออกมันออกมาให้เห็นจริง

    แต่พิทบูลมันไม่ใช้หมามันคือพิทบูล ผมจึงอยากรู้ว่าทำกันอย่างไรของแต่ละคนครับ และอีกอย่าง บ้านเรา ใบเพทดดีกรีหรือใบประวัติไม่ทำ การตรวจสอบ X-ray ของแต่ละจุดไม่มี การจัดมาตราฐานรูปร่างพิตบูลไม่มีข้อจำกัดเหมือนพันธุ์อื่นที่ต้องเป๊ะๆ จึงอยากถาม จากเบื้องต้นที่ว่ามาเพราะมันต่างจากพันธุื์อื่นจริงๆ จึงเรียนถามทุกๆท่านในพื้นที่นี้ครับ
  • ผมไม่มีเจตนาเป็นศัตรูกับผู้ขายสุนัขในบอร์ดหรือผู้เพาะพันธุ์หมาขายทุกท่านนะครับ ผมใคร่ขอ ความรู้จักพวกท่านว่ามีแนวทางการเพาะพันธุ์อย่างไร แค่นั้นเองครับ เจตนามีแค่นี้ครับ เพราะจะไปถามทางพันทิพหรือที่อื่นๆมันไม่ใช้สังคมใหญ่ของพิทบูลเหมือนที่นี้ครับ ;;)
  • สีชมพูสวยมาก เอ้ย..ไม่ใช่

    คุณ power_pit สุดยอดครับ จัดเต็มเลย.. ได้ความรู้เน้นๆ


    ส่วนผมคิดว่าการที่จะเรียกตัวเองว่าบรีดเดอร์ หรือจะเป็นบรีดเดอร์มันยากมากครับ จะบอกว่าโคตรยากมากๆ ผมมีบทความนึง เเต่ไม่ขอนำมาลงครับ(หวง) สรุปว่ายากมากจริงๆ พวกที่จับหมาปี้ๆกัน ไม่เรียกว่าบรีดเดอร์

    คนที่มีหมาเก่งๆ หรือหมาสวยๆ ก็ไม่ใช่จะหมายความว่าเป็นบรีดเดอร์ เรื่องความสวยผมไม่ทราบนะครับ หมาที่บรีดมาเพื่อสวยผมไม่ทราบ ว่าหมาสวยดูกันยังไง เเต่ละคนชอบคนละเเบบ

    เเต่จะยกตัวอย่างของหมาใช้งานหรือหมาที่ใช้ในเกมส์

    1 ดูความฉลาด
    2 ดูอุปนิสัยส่วนตัวเเละต้องดูอุปนิสัยในสายเลือดนั้นๆ
    3 ดูว่าตนเองจะเอาหมาไปทำอะไร เป้าหมายคืออะไร เช่น เอาฝ้าบ้าน เอาไปกัด เอาไปโชว์ หรือจะเอาไปทำอะไร ก่อนจะเพาะ หรือคนที่จะเป็นบรีดเดอร์ เขาต้องมีเป้าหมาย ทำมันขึ้นมาเพื่ออะไร เพราะถ้าทำขึ้นมาเเล้วไม่ตรงที่คิดต้องกำจัดทิ้ง
    4 ต้องซื่อสัตว์กับตัวเอง ไม่ใช่ว่าหมาไม่ได้ตามเป้าหมายยังเอาไปหลอกขายอีก
    5 เรื่องเงินไม่เกี่ยว บรีดเดอร์ไม่คิดถึงเรื่องนี้หรอกครับ คนที่เลี้ยงหมาเขามีเงินกันอยู่เเล้วครับ เขาไม่ได้ดันทุรัง เช่นบางคนไม่มีจะกิน เเต่ยังสรรหาหมามาเลี้ยงอีก เเล้วคิดจะเพาะขายอีก มันผิดตั้งเเต่เเรกเเล้ว
    หมาสำหรับบรีดเดอร์ตัวจริง ถ้าไม่ใช่พวกกันคุณก็ไม่มีโอกาศได้ครอบครองหรอกครับ เเล้วในเมื่อบรีดเดอร์ตัวจริงทำหมาออกมา ใครๆก็อยากได้ครับ เพราะมันมีเหตุ มีผลในการผสม
    6 ดูที่สายเลือด การจะผสมหมาเเละจะเรียกตัวเองว่าบรีดเดอร์ ก็ต้องดูสายเลือดทางพ่อเเม่หมา ไม่ได้ให้ดูอย่างเดียวนะ ดูเเล้วศึกษาด้วย ว่้าบรรพบุรุษมันมีโครงสร้างยังไง นิสัยใจคอ ไอคิวล่ะ ดูเยอะ อย่างละเอียด
    ถ้าไม่ดูสายเลือด ก็อย่ามาเรียกตัวเองว่าบรีดเดอร์เลยครับ เเล้วคุณจะรู้ได้ไงว่าหมาที่ออกมาจะเป็นยังไง ความน่าจะเป็น ทางสายเลือดพ่อ บวกเลือดเเม่ เเล้วลูกที่ออกมา

    7 คุณต้องเรียน วิทยาศาตร์ เเละคณิตร์ศาสตร์ให้มากๆ พวกนี้คือพื้นฐานในการคิด วิเคราะห์ เเยกเเยะ ตามความเป็นจริง ให้เอาหลักการเเผนการมาคำนวนถึงผลที่จะเกิด ถ้าโง่ก็อย่าหวังเลยเเล้วก็อย่าเรียกตัวเองว่าบรีดเดอร์
  • ขอฝากหน่อยนะครับ หลายๆคนชอบยกยอชูหางตัวเองว่าเป็นบรีดเดอร์ การเป็นบรีดเดอร์จริงๆยากมากครับ บรีดเดอร์ต้องเก่งใหม? ตอบเลยว่าต้องเก่งครับ ไม่เก่งจริงเป็นไม่ได้ จับหมาคร่อมกันเฉยๆไม่ใช่บรีดเดอร์ตัวจริงหรอกครับ จุดมุ่งหมายของบรีดเดอร์คือ คนที่รู้จักคิดรู้จักวางแผน เเละทำออกมาได้ตามความต้องการ เเละกล้าที่จะคัดทิ้งต่างหาก ถ้าไม่กล้าคัดหมาทิ้งก็อย่าเรียกตัวเองว่าบรีดเดอร์

    ขอเล่าเกี่ยวกับหมาใช้งานหน่อย เรื่องนี้เป็นเรื่องของไอ้กัน(อเมริกา) มีคนนึงที่มีหมาสายกัดระดับสุดยอด เรียกว่ากัดดีมากๆ เก่งมากๆ เเล้วเขาก็เอาไปผสม อยู่หลายครั้ง เเต่ลูกที่ออกมาไม่ได้เรื่องซักตัว
    จนมีบรีดเดอร์คนนึงมาขอซื้อหมาตัวนี้ เพียงเเค่ดูสายเลือด เขาก็รู้ได้เลยว่าหมาตัวนี้สามารถที่จะเข้ากับสายเลือดไหนได้ เเล้วเขาก็ได้ทำการวางเเผน หาตัวเมียที่จะมาผสม จนได้ตัวที่ต้องการ ผลที่ออกมาหมาตัวนั้นกลับจ่ายลูกออกมาได้ดี ได้วิน เเละได้เป็นเเชมป์หลายตัว อย่างล้นหลาม
    คนเลี้ยงหมาสายกัดเขาเเบ่งเป็น 2 ประเภท
    1 Fightter คือคนที่เลี้ยงหมาเเล้วนำไปต่อสู้ มีความเชี่ยวชาญด้านการฝึกหมาความเชี่ยวชาญด้านการคัดหมาทางต่อสู้
    2 Breedder คือ ผู้ที่มีความด้านการวางแผนในการผสมพันธ์ เเละเป็นนักคิดคำนวนก็ว่าได้
    สิ่งต่างๆเหล่านี้ เขาดูมาจากเพ็ดดีกรีด้วยครับ ประวัติทางสายเลือดมันจะบอกได้ ดูให้ละเอียดๆ เพราะหมาบางสายเลือดมันเข้ากันไม่ได้ ต่อให้ผสมร้อยครั้ง ถ้าสายเลือดไม่เข้ากันก็หาที่ตนเองตั้งเป้าไว้ได้ยาก

    สุดท้ายฝากนะครับ นักบรีดเดอร์เขาจะรู้ตัวเองครับว่ากำลังทำอะไร
    1 บรีดหมาใช้งาน ถ้ามันใช้งานไม่ได้จะเก็บไว้ทำไม ฆ่าทิ้งซะ
    2 บรีดหมาสวยงาม ถ้ามันไม่สวยจะเก็บไว้ทำไม ฆ่าทิ้งซะ

    ต้องทำตามเจตนารมณ์ของตนเอง คนไทยนิสัยไม่ค่อยดีเห็นเเก่เงิน ไม่กล้ากำจัดหมาที่ตัวเองทำผิดจากเป้าหมายไว้ ชอบอ้างว่าเป็นเมืองพุทธ เป็นคนธรรมมะธรรมโม จิตใจจริงๆมีเเต่ความคตโกง เเค่คุณหลอกตัวเองก็ไม่ใช่บรีดเดอร์เเล้ว ยิ่งหลอกคนอื่นยิ่งทุเรศ... ไม่สมควรกับชื่อที่เรียกว่าบรีดเดอร์

    ขออีกตัวอย่างนะจะได้เห็นภาพ ถ้าหมาออกลูกมา 5 ตัว เเต่ตามเป้าเเล้วมันใช้ได้เเค่ตัวเดียว บรีดเดอร์ตัวจิงเขาจะกำจัดซะ 4 ตัวที่เหลือ
  • เเต่ถ้าไอ้พ่อค้าที่เรียกตัวเองว่าบรีดเดอร์ล่ะ บรีดเดอร์หัวขวด.. 4 ตัวที่เหลือจะฆ่าทำไม ก็เอาไปหลอกขายสิยังได้เงินอีกหลายบาท
    นี่เเหละครับ ตัวอย่าง... คนพวกนี้ไร้ความรับผิดชอบ ไร้ชื่อเสียง ไร้ซึ่งจรรยาบัน

    ผลที่ตอบรับคือ บรีดเดอร์ตัวจริงจะมีหมาที่ดีๆตามเเบบที่ตัวเองตั้งเป้าไว้ เเล้วก็มีความน่าเชื่อถือได้ ชื่อเสียงก็จะตามมา

    ส่วนพวกเเอบอ้างว่าเป็นบรีดเดอร์ พวกนี้ไร้ความน่าเชื่อถือ พวกลดน้อยลง ชื่อเสียงติดลบ ลูกหมาที่ออกมาห่วยเเตก เพราะมันจับปี้อย่างเดียว

    การจะเรียนคณิตศาสตร์ให้ผ่าน ก็ต้องหัดทำการบ้านในการคิดเลขเยอะๆต้องคิดให้เป็น เมื่อไรยังคิดไม่เป็นก็ไม่มีทางสอบผ่าน.

    เพราะฉนั้น คนที่เป็นบรีดเดอร์จริงๆ ก็จะมีหมาดีๆได้ใช้ ได้เก็บไว้ ส่วนเงินมาทีหลังครับ ถ้าหมาดีๆผมเชื่อว่าใครๆก็อยากได้เอง ต่างจากการเพาะหมาเพื่อขายนะครับ
  • MakotoHIN29 ธันวาคม 21 Permalink
    ผมเจอคนๆนี้ผมนึกถึงน้อง UNITEEN เลยครับ..

    พี่น้องในนี้คงจำได้ดี.... น่าจับเเต่งงานกัน ลูกออกมาคงจะเป็นซุปเปอร์ไซย่าเเน่

    อย่าถือสาผมนะ ผมเมา...

    นี้หรือเป็นคำพูดของคนที่บอกว่า

    MakotoHIN29MakotoHIN29 ธันวาคม 21 Permalink
    ก็ผมบอกให้ป๋ามาร์คปิดไงครับ.

    ยังไม่รู้ตัวอีกหรอครับ ว่าคุณจะทำให้พี่ๆในวงการเขาเดือดร้อน ผมไม่อะไรทั้งนั้นเเล้วนะครับ.

    ไม่เอาไรครับ ผมยอมเเพ้ครับ

    จะพูดไรก็พูดเถอะครับ ผมไม่ต่อความเเล้วครับ จบ...

    ไม่เป็นลูกผู้ชายเลยทะเลาะกับผมอยู่ดีๆไปลากคนอื่นมาเกี่ยวอีกแล้วหละสิ เป็นเพราะไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนหรือเป็นพันธุ์กรรมกันแน่ครับ

    ผมก็ไม่ได้เก่งอะไร ผมคิดว่าบรีดเดอร์ที่มีความรู้เวลาเค้าเลือกหมา เค้าดูแค่จีโนไทปกับฟีโน่นเทปดูแค่สองอย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว

    อย่าว่าโกรธกันนะผมมันคนตรง

    พันธุ์แต่ละพันธุื์มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไปครับ เรื่องทดสอบจิตประสาทในพิตไม่ทราบจริงๆ เพราะไม่มีคนทำ ผมฝึกสุนัขอารักขาพันธุ์ธรรมดาที่เค้าพัฒนาแบบเก็บทุกเม็ดคือคนปกติที่ศึกษาผ่านหนังสือดูรู้ครับการแสดงออกมันออกมาให้เห็นจริง

    แต่พิทบูลมันไม่ใช้หมามันคือพิทบูล ผมจึงอยากรู้ว่าทำกันอย่างไรของแต่ละคนครับ และอีกอย่าง บ้านเรา ใบเพทดดีกรีหรือใบประวัติไม่ทำ การตรวจสอบ X-ray ของแต่ละจุดไม่มี การจัดมาตราฐานรูปร่างพิตบูลไม่มีข้อจำกัดเหมือนพันธุ์อื่นที่ต้องเป๊ะๆ จึงอยากถาม จากเบื้องต้นที่ว่ามาเพราะมันต่างจากพันธุื์อื่นจริงๆ จึงเรียนถามทุกๆท่านในพื้นที่นี้ครับ

    ผมว่า BH test สามารถทดสอบพิตบูลได้ครับ ถ้าไม่ได้เอาไปสอบสุนัขอารักขาอาจจะตัดบางหัวข้อทดสอบออกไปบ้างก็ได้ คุณนุฝึกสุนัขอารักขาจากหนังสือเองหรือครับ ช่วยแนะนำหนังสือมั่งครับ ตอนนี้อาศัยคลิปกับสอบถามจากผู้รู้เอา

    ผมว่า x-ray มีความจำเป็นครับ นอกจากจะดูว่าเป็นโรคทางกระดูกหรือไม่และยังบอกโครงสร้าง ส่วนลักษณะพิทบูลมันก็มีแยกละเอียดของแต่ละมาตราฐานกันออกไปอีก ไม่ใช่หรือครับ